ทำไมเราควรจะเลือกเรียนภาษาอังกฤษด้วยเทคนิคการสอนแบบ "ถอดรหัสเสียงหรือ phonics"
การเรียนเพื่อพัฒนาทักษะการพูดภาษาอังกฤษโดยใช้เทคนิคการเรียนแบบ "ถอดรหัสเสียง" หรือ phonics decoding skills จะช่วยสร้างการการเรียนภาษาอังกฤษแบบเป็นธรรมชาติซึ่งเหมือนกับการเรียนรู้ภาษาแม่ของเราในวัยเด็ก ที่พ่อแม่จะสอนเราออกเสียงต่างๆ จากที่ท่านพูดให้ฟัง และให้เราออกเสียงตามโดยเราไม่จำเป็นต้องรู้ความหมายของคำๆ นั้นตั้งแต่แรก
วิธีการสอนพูดภาษาอังกฤษโดยเทคนิคการถอดรหัสเสียง หรือ phonics decoding skills ของ ClickN READ Phonics นั้น เริ่มต้นจากการฝึกฟังเพื่อสร้างความคุ้นเคยกับเสียงนั้นๆ จึงฝึกออกเสียงตาม และทำแบบทดสอบการเชื่อมโยงของเสียง กับ รูปของพยัญชนะตัวนั้นๆ ว่าใช่หรือไม่ โดยบทเรียนจะไม่ขยับไปที่อื่น หากว่าเราเลือกตัวอักษรที่ไม่สัมพันธ์กับเสียงที่ได้ยิน ดังนั้นหากเราใช้หลักการ "เดาสุ่ม" เราก็อาจจะต้องเลือกไปเรื่อยๆ อย่างน้อยสักตัวหนึ่งจนกว่าจะพบว่าเสียงที่ได้ยินนั้น ตรงกับตัวอักษรตัวใดที่ปรากฏให้เห็นบนจอ
การเรียนกับโปรแกรม ClickN READ Phonics นี้ เราอาจจะใช้หลักการ "เดาสุ่ม" ได้ในห้องเรียนแรกที่ครูโชว์แผ่นป้ายให้เราเลือกจับคู่กับเสียงที่ได้ยิน แต่ถ้าเราขืนใช้เทคนิค "เดาสุ่ม" นี้ไปจนจบเราก็จะกลับไปที่ปัญหาเหมือนเดิมเปี๊ยบในห้องเรียนถัดไปอยู่ดี เพราะห้องเรียนที่สอง (letter sounds on keyboard) เพราะคราวนี้ครูจะไม่โชว์แผ่นป้ายให้เราเลือกแล้ว แต่จะเป็นเสียงและให้เราพิมพ์ตัวอักษรที่สัมพันธ์กันกับเสียงบนแป้นคีย์บอร์ดแทน
สำเนียงที่ใช้สอนทั้ง 100 บทเรียน และกว่า 10,000 แบบฝึกหัดที่ครูเลือกใช้ทดสอบพวกเรานี้ เป็นเสียงอ่านที่ถูกต้องตามหลักของ IPA (International Phonetic Alphabet)ของ J Ron Nelson, Ph. D. นักภาษาศาสตร์ผู้เชี่ยวชาญการออกแบบหลักสูตรการเรียนภาษาอังกฤษให้พูด อ่านออก เขียนได้จริงสำหรับผู้เรียนที่เรียนภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่สอง สำหรับหลักสูตรการเรียนภาษาอังกฤษให้ฟังได้ชัดเจน และพูดได้ถูกต้องของClickN READ Phonics นี้ J Ron Nelson, Ph. D. เป็นผู้วางโครงสร้างหลักสูตร และพัฒนาต่อยอดร่วมกับบริษัทซอฟท์แวร์ด้านการศึกษา
ในขณะที่ซอฟท์แวร์สอนการออกเสียงตามเทคนิคการถอดรหัสเสียงหลายยี่ห้อ สอนเสียงที่พบในภาษาอังกฤษ 42 เสียง (เกิดจากพยัญชนะ 21 ตัว และสระ 5 ตัว) แต่ในโปรแกรมClickN READ Phonics นี้จะสอนเสียงเพิ่มอีก 19 เสียงรวมเป็น 61 เสียง อาทิ เสียง -ight, -augh, -aught เป็นต้น
เราพบว่าสถานศึกษาหลายแห่งมีการว่าจ้างครูต่างชาติเข้ามาสอนภาษาอังกฤษแก่บุตรหลานของเรา จริงอยู่ที่ครูต่างชาติที่เข้ามาเป็นครูสอนภาษาอังกฤษนั้นจะสามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้เป็นอย่างดีก็ตาม แต่สำเนียงของครูที่มาจากหลายประเทศนั้น อาจจะทำให้บุตรหลาน หรือเราสับสนได้ว่าตกลงแล้วคำศัพท์นั้นๆ ควรจะออกเสียงอย่างไร จึงจะถูกต้อง จากการที่เราได้ทดลองลงเรียนโปรแกรม ClickN READ Phonics มาเป็นเวลาเกือบ 2 ปี เราพบว่าจริงๆ แล้วเราไม่จำเป็นต้องให้ลูกหลานของเราเรียนพูดออกเสียงภาษาอังกฤษกับครูต่างชาติ แต่เราสามารถเลือกใช้โปรแกรมการเรียนด้วยตนเองที่ได้มาตรฐานมาปรับใช้ได้ เพื่อให้รากฐานความเข้าใจเรื่องการออกเสียงของเรานั้นแน่นหนาเสียก่อน หลังจากนั้นหากเราต้องการทดสอบทักษะการพูดของเรา หรือเพื่อทดสอบการสื่อสาร (หลังจากท่องคำศัพท์และความหมายของมันเสียงอม) เราก็กลับไปฝึกหัดกับครูเจ้าของภาษาได้เช่นกัน
วิธีการสอนพูดภาษาอังกฤษโดยเทคนิคการถอดรหัสเสียง หรือ phonics decoding skills ของ ClickN READ Phonics นั้น เริ่มต้นจากการฝึกฟังเพื่อสร้างความคุ้นเคยกับเสียงนั้นๆ จึงฝึกออกเสียงตาม และทำแบบทดสอบการเชื่อมโยงของเสียง กับ รูปของพยัญชนะตัวนั้นๆ ว่าใช่หรือไม่ โดยบทเรียนจะไม่ขยับไปที่อื่น หากว่าเราเลือกตัวอักษรที่ไม่สัมพันธ์กับเสียงที่ได้ยิน ดังนั้นหากเราใช้หลักการ "เดาสุ่ม" เราก็อาจจะต้องเลือกไปเรื่อยๆ อย่างน้อยสักตัวหนึ่งจนกว่าจะพบว่าเสียงที่ได้ยินนั้น ตรงกับตัวอักษรตัวใดที่ปรากฏให้เห็นบนจอ
การเรียนกับโปรแกรม ClickN READ Phonics นี้ เราอาจจะใช้หลักการ "เดาสุ่ม" ได้ในห้องเรียนแรกที่ครูโชว์แผ่นป้ายให้เราเลือกจับคู่กับเสียงที่ได้ยิน แต่ถ้าเราขืนใช้เทคนิค "เดาสุ่ม" นี้ไปจนจบเราก็จะกลับไปที่ปัญหาเหมือนเดิมเปี๊ยบในห้องเรียนถัดไปอยู่ดี เพราะห้องเรียนที่สอง (letter sounds on keyboard) เพราะคราวนี้ครูจะไม่โชว์แผ่นป้ายให้เราเลือกแล้ว แต่จะเป็นเสียงและให้เราพิมพ์ตัวอักษรที่สัมพันธ์กันกับเสียงบนแป้นคีย์บอร์ดแทน
สำเนียงที่ใช้สอนทั้ง 100 บทเรียน และกว่า 10,000 แบบฝึกหัดที่ครูเลือกใช้ทดสอบพวกเรานี้ เป็นเสียงอ่านที่ถูกต้องตามหลักของ IPA (International Phonetic Alphabet)ของ J Ron Nelson, Ph. D. นักภาษาศาสตร์ผู้เชี่ยวชาญการออกแบบหลักสูตรการเรียนภาษาอังกฤษให้พูด อ่านออก เขียนได้จริงสำหรับผู้เรียนที่เรียนภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่สอง สำหรับหลักสูตรการเรียนภาษาอังกฤษให้ฟังได้ชัดเจน และพูดได้ถูกต้องของClickN READ Phonics นี้ J Ron Nelson, Ph. D. เป็นผู้วางโครงสร้างหลักสูตร และพัฒนาต่อยอดร่วมกับบริษัทซอฟท์แวร์ด้านการศึกษา
ในขณะที่ซอฟท์แวร์สอนการออกเสียงตามเทคนิคการถอดรหัสเสียงหลายยี่ห้อ สอนเสียงที่พบในภาษาอังกฤษ 42 เสียง (เกิดจากพยัญชนะ 21 ตัว และสระ 5 ตัว) แต่ในโปรแกรมClickN READ Phonics นี้จะสอนเสียงเพิ่มอีก 19 เสียงรวมเป็น 61 เสียง อาทิ เสียง -ight, -augh, -aught เป็นต้น
เราพบว่าสถานศึกษาหลายแห่งมีการว่าจ้างครูต่างชาติเข้ามาสอนภาษาอังกฤษแก่บุตรหลานของเรา จริงอยู่ที่ครูต่างชาติที่เข้ามาเป็นครูสอนภาษาอังกฤษนั้นจะสามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้เป็นอย่างดีก็ตาม แต่สำเนียงของครูที่มาจากหลายประเทศนั้น อาจจะทำให้บุตรหลาน หรือเราสับสนได้ว่าตกลงแล้วคำศัพท์นั้นๆ ควรจะออกเสียงอย่างไร จึงจะถูกต้อง จากการที่เราได้ทดลองลงเรียนโปรแกรม ClickN READ Phonics มาเป็นเวลาเกือบ 2 ปี เราพบว่าจริงๆ แล้วเราไม่จำเป็นต้องให้ลูกหลานของเราเรียนพูดออกเสียงภาษาอังกฤษกับครูต่างชาติ แต่เราสามารถเลือกใช้โปรแกรมการเรียนด้วยตนเองที่ได้มาตรฐานมาปรับใช้ได้ เพื่อให้รากฐานความเข้าใจเรื่องการออกเสียงของเรานั้นแน่นหนาเสียก่อน หลังจากนั้นหากเราต้องการทดสอบทักษะการพูดของเรา หรือเพื่อทดสอบการสื่อสาร (หลังจากท่องคำศัพท์และความหมายของมันเสียงอม) เราก็กลับไปฝึกหัดกับครูเจ้าของภาษาได้เช่นกัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น